มาตรฐาน ISO 14644 ถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถรักษาระดับคุณภาพอากาศและควบคุมอนุภาคในห้องคลีนรูมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการตามมาตรฐานนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ แต่ยังช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนที่อาจส่งผลเสียต่อการผลิตด้วย ซึ่งการรักษามาตรฐานห้องคลีนรูมให้เป็นไปตามมาตรฐาน ISO 14644 ต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ในบทความนี้มีคำตอบ
1. ควบคุมอุณหภูมิ และความชื้น
การควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมในคลีนรูมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะอุณหภูมิและความชื้นที่ไม่เสถียรอาจส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นหรือเชื้อโรคในอากาศ ระบบ HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning) ถูกใช้เพื่อตรวจสอบ และรักษาอุณหภูมิในระดับที่กำหนด เช่น อาจต้องรักษาอุณหภูมิระหว่าง 20-25°C พร้อมควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ให้อยู่ที่ 40-60%
2. ควบคุมความดัน และอัตราไหลของอากาศ
การรักษาความดันภายในคลีนรูมให้เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันการไหลเข้าของฝุ่นละออง และอากาศจากภายนอก โดยมาตรฐาน ISO 14644 กำหนดให้มีความต่างของความดันระหว่างห้องคลีนรูมกับสภาพแวดล้อมภายนอกอย่างน้อย 10-15 Pa เพื่อให้มั่นใจว่าอากาศสะอาดจะไหลออกจากห้องคลีนรูมมากกว่าที่จะมีอากาศภายนอกไหลเข้ามา การใช้เครื่องมืออย่าง Damper เพื่อปรับอัตราการไหลของอากาศในท่อลมจะช่วยให้สามารถควบคุมการหมุนเวียนของอากาศได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังต้องมีระบบตรวจสอบความดันและการไหลของอากาศอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าค่าความดันไม่ตกจากระดับที่กำหนด
3. ควบคุมแสงสว่าง ในห้องคลีนรูม
แสงสว่างที่เพียงพอและถูกต้องเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานในคลีนรูม การจัดแสงภายในต้องออกแบบให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ และลดความเสี่ยงของข้อผิดพลาด การเลือกหลอดไฟ หรือแหล่งกำเนิดแสงควรคำนึงถึงคุณสมบัติที่จะไม่สร้างความร้อนเกินจำเป็น เพราะความร้อนที่สูงอาจส่งผลให้เกิดการก่อตัวของฝุ่น และอนุภาคในอากาศ แสงที่ใช้ในคลีนรูมควรมีค่าแสงเพียงพอสำหรับการมองเห็นที่ชัดเจน เช่น ระดับความสว่างที่ 500-1000 ลักซ์ (Lux) ทั้งนี้ควรเลือกใช้หลอดไฟที่ปลอดภัย และไม่สร้างการสั่นไหวของแสง (Flicker-free) เพื่อป้องกันความเมื่อยล้าของผู้ปฏิบัติงานในระยะยาว
4. ควบคุมปริมาณฝุ่นด้วยระบบกรองอากาศ
ปริมาณฝุ่นในห้องคลีนรูมต้องถูกควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้อนุภาคขนาดเล็กปนเปื้อนในกระบวนการผลิต โดยระบบกรองอากาศคุณภาพสูง เช่น HEPA Filter และ ULPA Filter ถูกนำมาใช้ในคลีนรูมเพื่อกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.995% การติดตั้งแผ่นกรองในระบบระบายอากาศ จะช่วยให้มั่นใจว่าอากาศที่ไหลเวียนในห้องจะสะอาด และปราศจากฝุ่น ซึ่งระบบกรองอากาศต้องได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเปลี่ยนแผ่นกรองตามรอบเวลาและการตรวจสอบประสิทธิภาพการกรองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ควรมีระบบแจ้งเตือนเมื่อแผ่นกรองเสื่อมสภาพ เพื่อให้สามารถเปลี่ยนได้ทันเวลา
การรักษามาตรฐานห้องคลีนรูมตาม ISO 14644 ต้องอาศัยการควบคุมหลายปัจจัยร่วมกัน ตั้งแต่อุณหภูมิ ความชื้น ความดัน อัตราไหลของอากาศ แสงสว่าง ไปจนถึงการใช้ระบบกรองอากาศที่มีคุณภาพสูง การดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและการตรวจสอบระบบเป็นประจำช่วยให้มั่นใจว่าห้องคลีนรูมจะยังคงรักษาความสะอาดและประสิทธิภาพได้ตามมาตรฐาน